หญ้าปักกิ่ง (หญ้าเทวดา)
หญ้าปักกิ่ง หรือ หญ้าเทวดา
มีข้อถกเถียงกันมานานเรื่องการใช้ หญ้าปักกิ่ง แต่ผลการวิจัยได้พิสูจน์ว่าหญ้าปักกิ่ง มีคุณสมบัติยับยั้งโรคมะเร็งได้จริง แต่ต้องรับประทานอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังให้มาก หลังจากที่ หญ้าปักกิ่งแพร่หลายในบ้านเรา คือเรื่อง หญ้าปักกิ่งปลอม ซึ่งต้องสังเกตให้ดี อย่าหลงเชื่อผู้ขาย และต้องปรึกษาผู้รู้เท่านั้น
หญ้าปักกิ่ง หรือในชื่อภาษาจีนว่า เล้งจือเช่า หรือหญ้าเทวดา เป็นยามีรสจืด เย็น มีสรรพคุณในการยับยั้งโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในคอ มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว การตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บพบว่า ลำต้นหญ้าปักกิ่งมีสารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ เป็นสารต้านมะเร็งระยะต้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคภูมิแพ้ โรคความดันและเบาหวาน สามารถใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ ช่วยลดอาการข้างเคียงจาการฉายแสง ในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฉายแสง
“ชาวจีนสมัยโบราณใช้หญ้าปักกิ่งเป็นยารักษาโรคมานับพันปีแล้ว รักษาสารพัดโรคครอบจักรวาล เช่น บำรุงพลังปราณ ปรับสมดุลร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ในประเทศไทยมีการนำเข้ามาปลูกเป็นยาจีน รักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และทำน้ำคั้นดื่มรักษาโรคมาเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยทำวิจัยคุณสมบัติหญ้าปักกิ่ง พบว่า ไม่มีพิษสะสมต่ออวัยวะอื่น และได้สรรพคุณทางเคมีเภสัชว่า สามารถทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรงระยะอ่อน-ปานกลาง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และลำไส้ใหญ่ ซึ่งสารที่แสดงฤทธิ์ คือกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์”
ถิ่นกำเนิดของหญ้าปักกิ่ง
หญ้าปักกิ่งมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้แถบสิบสองปันนา ในตำรายาจีนปรากฏพืชชนิดสกุลเดียวกันนี้ ใช้รักษาอาการเจ็บคอและมะเร็ง มีลักษณะคล้ายกับหญ้ามาเลเซียที่นำมาปูพื้นสนาม แต่หญ้าปักกิ่งจะอวบน้ำกว่า ใบนุ่ม หลังใบมีขนอ่อนๆ โคนต้นทรงกระบอก สีออกขาว ดอกออกเป็นช่อที่ยอดรวมกันเป็นกระจุกแน่น กลีบดอกสีฟ้าหรือสีม่วงอ่อน มีสรรพคุณเสริมภูมิต้านทาน ช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้น
การแปรรูปหญ้าปักกิ่ง
เก็บเอาหญ้าปักกิ่งทั้งต้นทั้งราก คัดเอาใบที่สมบูรณ์และใบซีดเหลืองออกก่อน ล้างเศษดินที่ติดมากับรากให้สะอาดนำไปล้างน้ำอีก 2 ครั้ง ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ นำหญ้าปักกิ่งมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆขนาด ครึ่งเซนติเมตร นำไปตากแดดประมาณ 5-7 วัน เวลาตากควรเกลี่ยให้ทั่วและเกลี่ยบ่อยๆ เมื่อแห้งสนิมแล้วนำมาบรรจุภาชนะให้มิดชิด สามารถนำไปทำเป็นลูกกลอน ยาอัดเม็ด แคปซูล ชา และเครื่องดื่มชนิดผง
“ส่วนมากจะทำเป็นน้ำหญ้าปักกิ่ง มีส่วนผสมคือ หญ้าปักกิ่ง น้ำเชื่อม น้ำสะอาด วิธีการคือ นำหญ้าปักกิ่งที่สดใหม่ ล้างน้ำให้สะอาด แช่ด่างทับทิม 15-20 นาที แล้วหั่นตามขวางละเอียด ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำแล้วกรองด้วยผ้าขาว เติมน้ำเชื่อมพอหวาน ชิมรสตามชอบจะได้น้ำหญ้าปักกิ่งสีเขียวหวานใส”
ประวัติการรักษาโรคมะเร็งในประเทศนั้น
ประมาณปี 2527 มีผู้ป่วยโรคมะเร็งดื่มน้ำคั้นสดจากหญ้าเทวดาเพื่อรักษาและบรรเทาอาการจากโรคมะเร็ง สามารถยืดชีวิตต่อไปได้ในระยะหนึ่ง ทำให้หญ้าเทวดาเป็นที่สนใจมาก นอกจากนั้นมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายหนึ่ง แพทย์บอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 3 เดือน ขอให้นำไปพักรักษาที่บ้าน แต่ผู้ป่วยได้ดื่มน้ำหญ้าปักกิ่งคั้นสด 1 ปีต่อมายังไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ผลของผู้ป่วยรายนี้กระตุ้นให้มีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติของหญ้าเทวดา นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยบางรายที่ใช้หญ้าปักกิ่งรักษาอาการร่วมกับยาแผนปัจจุบัน
“ในการวิจัยที่เคยมีการทำกันมามีรายงานว่า สารสกัดหญ้าเทวดา มีผลลดความรุนแรงของการแพร่กระจายของมะเร็งในหนู จึงคาดว่า สารสกัดหญ้าเทวดาอาจใช้ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้”
ข้อควรระมัดระวังในการใช้หญ้าเทวดา
หญ้าเทวดาที่มีคุณประโยชน์ต่อผู้ป่วยต้องเป็นต้นที่มีอายุเหมาะสม กล่าวคือ หากเป็นหญ้าที่มีการปลูกโดยการชำกิ่งต้องมีอายุมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป แต่ถ้าเป็นหญ้าที่ปลูกจากการเพาะเมล็ด ต้องมีอายุมากกว่า 5 เดือนขึ้นไป
หญ้าเทวดาที่มีอายุยังไม่ครบ ได้มีการศึกษาแล้วพบว่า สารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ ไม่มีการสร้างในต้นที่มีอายุยังไม่ครบ ดังนั้นการซื้อหญ้าเทวดามาบริโภคต้องมั่นใจว่าต้นนั้นๆมีอายุครบตามเกณฑ์ที่กำหนด จึงจะได้คุณประโยชน์ที่พึงประสงค์
“ในด้านการพัฒนาสู่มาตรฐานสากลในประเทศไทยนั้น สถาบันวิจัยและพัฒนาขององค์การเภสัชกรรม ได้นำหญ้าเทวดามาพัฒนาเป็นยาเม็ด โดยใช้ส่วนประกอบทุกอย่างเป็นสารธรรมชาติ แม้กระทั่งสีที่ใช้เคลือบยาเม็ดก็ได้จากสีเขียวของคลอโรฟีลล์จากพืช วัตถุดิบและการผลิตทั้งหมดเป็นภูมิปัญญาของคนไทยล้วนๆไม่พึ่งต่างชาติ แต่การประกันคุณภาพจะเทียบเท่ามาตรฐานสากล”
การพัฒนาหญ้าเทวดาในรูปของยาเม็ด นอกจากเป็นรูปแบบของยาที่รับประทานง่ายแล้ว ยังช่วยให้ผู้ป่วยได้รับคุณค่าของยาอย่างสม่ำเสมอ เพราะยาเม็ดหญ้าเทวดาทุกเม็ดได้ผ่านกระบวนการผลิตและการควบคุมที่ทันสมัย เพื่อประกันคุณภาพของยาเม็ดหญ้าเทวดาทุก 2 เม็ดมีคุณค่าเทียบเท่ากับหญ้าเทวดาสดจำนวน 3 ต้น
“การใช้ยานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรรับประทานยานี้เป็นรอบ โดยรับประทาน 7 วันแล้วหยุด 4 วัน สลับกันไปแล้วเริ่มรับประทานรอบใหม่ ระยะเวลาการรับประทานขึ้นกับจุดประสงค์การใช้ยาดังนี้ กรณีใช้ลดผลข้างเคียงจากรังสีบำบัดหรือเคมีบำบัดผู้ป่วยมะเร็งรับประทานควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน โดยรับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน การหยุดรับประทานเป็นช่วงๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน”
ส่วนกรณีป้องกันการแพร่กระจายและการกลับมาเป็นซ้ำของผู้ป่วยโรคมะเร็งหลังจากได้รับการรักษาแล้ว โดยป้องกันการแพร่กระจายและกลับเป็นซ้ำอีก ให้รับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน เช่นนี้ติดต่อกัน 1 ปี และตรวจมะเร็งปีละ 2 ครั้ง ส่วนกรณีการใช้เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ในผู้ที่ไม่ได้เป็นมะเร็ง รับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน ติดต่อกันเป็นเวลาไม่เกิน 6-8 สัปดาห์ โดยใช้เฉพาะช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ติดเชื้อไวรัสเป็นต้น
http://thaiherbclinic.com/node/332
มีข้อถกเถียงกันมานานเรื่องการใช้ หญ้าปักกิ่ง แต่ผลการวิจัยได้พิสูจน์ว่าหญ้าปักกิ่ง มีคุณสมบัติยับยั้งโรคมะเร็งได้จริง แต่ต้องรับประทานอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังให้มาก หลังจากที่ หญ้าปักกิ่งแพร่หลายในบ้านเรา คือเรื่อง หญ้าปักกิ่งปลอม ซึ่งต้องสังเกตให้ดี อย่าหลงเชื่อผู้ขาย และต้องปรึกษาผู้รู้เท่านั้น
หญ้าปักกิ่ง หรือในชื่อภาษาจีนว่า เล้งจือเช่า หรือหญ้าเทวดา เป็นยามีรสจืด เย็น มีสรรพคุณในการยับยั้งโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในคอ มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว การตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บพบว่า ลำต้นหญ้าปักกิ่งมีสารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ เป็นสารต้านมะเร็งระยะต้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคภูมิแพ้ โรคความดันและเบาหวาน สามารถใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ ช่วยลดอาการข้างเคียงจาการฉายแสง ในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฉายแสง
“ชาวจีนสมัยโบราณใช้หญ้าปักกิ่งเป็นยารักษาโรคมานับพันปีแล้ว รักษาสารพัดโรคครอบจักรวาล เช่น บำรุงพลังปราณ ปรับสมดุลร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ในประเทศไทยมีการนำเข้ามาปลูกเป็นยาจีน รักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และทำน้ำคั้นดื่มรักษาโรคมาเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยทำวิจัยคุณสมบัติหญ้าปักกิ่ง พบว่า ไม่มีพิษสะสมต่ออวัยวะอื่น และได้สรรพคุณทางเคมีเภสัชว่า สามารถทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรงระยะอ่อน-ปานกลาง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และลำไส้ใหญ่ ซึ่งสารที่แสดงฤทธิ์ คือกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์”
ถิ่นกำเนิดของหญ้าปักกิ่ง
หญ้าปักกิ่งมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้แถบสิบสองปันนา ในตำรายาจีนปรากฏพืชชนิดสกุลเดียวกันนี้ ใช้รักษาอาการเจ็บคอและมะเร็ง มีลักษณะคล้ายกับหญ้ามาเลเซียที่นำมาปูพื้นสนาม แต่หญ้าปักกิ่งจะอวบน้ำกว่า ใบนุ่ม หลังใบมีขนอ่อนๆ โคนต้นทรงกระบอก สีออกขาว ดอกออกเป็นช่อที่ยอดรวมกันเป็นกระจุกแน่น กลีบดอกสีฟ้าหรือสีม่วงอ่อน มีสรรพคุณเสริมภูมิต้านทาน ช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้น
การแปรรูปหญ้าปักกิ่ง
เก็บเอาหญ้าปักกิ่งทั้งต้นทั้งราก คัดเอาใบที่สมบูรณ์และใบซีดเหลืองออกก่อน ล้างเศษดินที่ติดมากับรากให้สะอาดนำไปล้างน้ำอีก 2 ครั้ง ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ นำหญ้าปักกิ่งมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆขนาด ครึ่งเซนติเมตร นำไปตากแดดประมาณ 5-7 วัน เวลาตากควรเกลี่ยให้ทั่วและเกลี่ยบ่อยๆ เมื่อแห้งสนิมแล้วนำมาบรรจุภาชนะให้มิดชิด สามารถนำไปทำเป็นลูกกลอน ยาอัดเม็ด แคปซูล ชา และเครื่องดื่มชนิดผง
“ส่วนมากจะทำเป็นน้ำหญ้าปักกิ่ง มีส่วนผสมคือ หญ้าปักกิ่ง น้ำเชื่อม น้ำสะอาด วิธีการคือ นำหญ้าปักกิ่งที่สดใหม่ ล้างน้ำให้สะอาด แช่ด่างทับทิม 15-20 นาที แล้วหั่นตามขวางละเอียด ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำแล้วกรองด้วยผ้าขาว เติมน้ำเชื่อมพอหวาน ชิมรสตามชอบจะได้น้ำหญ้าปักกิ่งสีเขียวหวานใส”
ประวัติการรักษาโรคมะเร็งในประเทศนั้น
ประมาณปี 2527 มีผู้ป่วยโรคมะเร็งดื่มน้ำคั้นสดจากหญ้าเทวดาเพื่อรักษาและบรรเทาอาการจากโรคมะเร็ง สามารถยืดชีวิตต่อไปได้ในระยะหนึ่ง ทำให้หญ้าเทวดาเป็นที่สนใจมาก นอกจากนั้นมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายหนึ่ง แพทย์บอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 3 เดือน ขอให้นำไปพักรักษาที่บ้าน แต่ผู้ป่วยได้ดื่มน้ำหญ้าปักกิ่งคั้นสด 1 ปีต่อมายังไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ผลของผู้ป่วยรายนี้กระตุ้นให้มีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติของหญ้าเทวดา นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยบางรายที่ใช้หญ้าปักกิ่งรักษาอาการร่วมกับยาแผนปัจจุบัน
“ในการวิจัยที่เคยมีการทำกันมามีรายงานว่า สารสกัดหญ้าเทวดา มีผลลดความรุนแรงของการแพร่กระจายของมะเร็งในหนู จึงคาดว่า สารสกัดหญ้าเทวดาอาจใช้ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้”
ข้อควรระมัดระวังในการใช้หญ้าเทวดา
หญ้าเทวดาที่มีคุณประโยชน์ต่อผู้ป่วยต้องเป็นต้นที่มีอายุเหมาะสม กล่าวคือ หากเป็นหญ้าที่มีการปลูกโดยการชำกิ่งต้องมีอายุมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป แต่ถ้าเป็นหญ้าที่ปลูกจากการเพาะเมล็ด ต้องมีอายุมากกว่า 5 เดือนขึ้นไป
หญ้าเทวดาที่มีอายุยังไม่ครบ ได้มีการศึกษาแล้วพบว่า สารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ ไม่มีการสร้างในต้นที่มีอายุยังไม่ครบ ดังนั้นการซื้อหญ้าเทวดามาบริโภคต้องมั่นใจว่าต้นนั้นๆมีอายุครบตามเกณฑ์ที่กำหนด จึงจะได้คุณประโยชน์ที่พึงประสงค์
“ในด้านการพัฒนาสู่มาตรฐานสากลในประเทศไทยนั้น สถาบันวิจัยและพัฒนาขององค์การเภสัชกรรม ได้นำหญ้าเทวดามาพัฒนาเป็นยาเม็ด โดยใช้ส่วนประกอบทุกอย่างเป็นสารธรรมชาติ แม้กระทั่งสีที่ใช้เคลือบยาเม็ดก็ได้จากสีเขียวของคลอโรฟีลล์จากพืช วัตถุดิบและการผลิตทั้งหมดเป็นภูมิปัญญาของคนไทยล้วนๆไม่พึ่งต่างชาติ แต่การประกันคุณภาพจะเทียบเท่ามาตรฐานสากล”
การพัฒนาหญ้าเทวดาในรูปของยาเม็ด นอกจากเป็นรูปแบบของยาที่รับประทานง่ายแล้ว ยังช่วยให้ผู้ป่วยได้รับคุณค่าของยาอย่างสม่ำเสมอ เพราะยาเม็ดหญ้าเทวดาทุกเม็ดได้ผ่านกระบวนการผลิตและการควบคุมที่ทันสมัย เพื่อประกันคุณภาพของยาเม็ดหญ้าเทวดาทุก 2 เม็ดมีคุณค่าเทียบเท่ากับหญ้าเทวดาสดจำนวน 3 ต้น
“การใช้ยานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรรับประทานยานี้เป็นรอบ โดยรับประทาน 7 วันแล้วหยุด 4 วัน สลับกันไปแล้วเริ่มรับประทานรอบใหม่ ระยะเวลาการรับประทานขึ้นกับจุดประสงค์การใช้ยาดังนี้ กรณีใช้ลดผลข้างเคียงจากรังสีบำบัดหรือเคมีบำบัดผู้ป่วยมะเร็งรับประทานควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน โดยรับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน การหยุดรับประทานเป็นช่วงๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน”
ส่วนกรณีป้องกันการแพร่กระจายและการกลับมาเป็นซ้ำของผู้ป่วยโรคมะเร็งหลังจากได้รับการรักษาแล้ว โดยป้องกันการแพร่กระจายและกลับเป็นซ้ำอีก ให้รับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน เช่นนี้ติดต่อกัน 1 ปี และตรวจมะเร็งปีละ 2 ครั้ง ส่วนกรณีการใช้เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ในผู้ที่ไม่ได้เป็นมะเร็ง รับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน ติดต่อกันเป็นเวลาไม่เกิน 6-8 สัปดาห์ โดยใช้เฉพาะช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ติดเชื้อไวรัสเป็นต้น
http://thaiherbclinic.com/node/332
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น